ป้ายกำกับ

วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

one day in seoul 2018 : cafe hopping and shopping










onedayinseoul



หนึ่งวันกับโซล แค่นึกก็คิดหนักใจแล้วว่าจะเก็บอะไรได้บ้างใน1วัน ก่อนไปเราแพลนอย่างหนักหน่วงมากว่าจะไปไหนดี จะทำอะไรบ้าง เพราะSeoul Wishlistของเรามันล้นหน้าสมุดไปแล้วน่ะสิ สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะไปแค่คาเฟ่ฮอปปิ้งกับช้อปปิ้งละกัน 




ก่อนอื่นก็มานั่งลิสต์ที่ๆอยากไปสุดๆก่อน ตามมาด้วยโลเคชั่นของร้าน 
จากนั้นกะไทม์มิ่งของแต่ละร้านที่เราจะใช้ค่ะ 

แพลนของเราจึงออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ
1.เอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมก่อน แต่ถ้าearly check-inได้จะดีมากๆ
2.ร้าน WATCO สถานีซอคังแด อยู่ห่างจากสถานีฮงแดแค่สถานีเดียว
3.ร้าน SAYOO สถานีฮันกังจิน  สถานีอยู่ระหว่างทางไปห้างCOEX สถานีซัมซอง
4. SM Artium สถานีซัมซอง
5. ช้อปปิ้งแถวมหาวิทยาลัยอีฮวา สถานีอีแด
6. Dinka Cake House ยอนนัมดง 
7.เดินเล่นฮงแด และต้องได้กินต๊อก!




เราเดินทางถึงสนามบินอินชอนประมาณ10โมงเช้า กว่าจะออกจากสนามบินได้ก็เที่ยงเข้าไปแล้วล่ะค่ะ เริ่มลนว่าจะไม่สามารถทำตามแพลนได้ แต่ the show must go on เป็นไงเป็นกัน เราถึงสถานีฮงแดประมาณเกือบบ่ายโมงเลยจะเอากระเป๋าไปฝากที่ที่พักก่อนค่ะ และโชคดีที่เค้าให้เราเช็คอินก่อนได้เราเลยเอาของขึ้นไปเก็บได้เลย ในแพลนตอนแรกเราโน้ตไว้ว่าจะต้องกลับมาเก็บของเช็คอินก่อน ก็ประหยัดเวลาตรงนั้นไปหน่อยค่ะ









ครั้งนี้เราพักที่ Orbit Cafe and Guesthouse เป็นทั้งคาเฟ่และเกทส์เฮ้าส์เลยค่ะ เรามีรีวิวที่พักไว้ในนี้ด้วย http://xmilkmilkx.blogspot.com/2018/06/review-orbit-cafe-its-all-pink.html











เมื่อจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปสถานที่แรกทันที 
นั่นก็คือ ร้าน WATCO สถานีซอคังแด สายสีเขียวอ่อนค่ะ 
ห่างจากสถานีฮงแดที่เราอยู่เพียงสถานีเดียวเท่านั้น




ร้าน WATCO สะดุดตาเราตอนที่เห็นผ่านfeedในInstagramจนต้องเข้าไปดูว่าร้านนี้อยู่ที่ไหน และได้เก็บไว้ในWishlistของเรานับแต่นั้นมาเลยค่ะ WATCOในแต่ละฤดูจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันเพราะเจ้าต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่หน้าร้านจะเปลี่ยนไปตามฤดูนั่นเองค่ะ ตอนเราไปก็เป็นต้นของฤดูร้อนแล้ว แอบเสียดายหน่อยๆที่ไม่ได้เห็นดอกสีขาวเต็มต้นเหมือนในช่วงสปริง  แต่ถ้ามีโอกาสกลับมาอีกในฤดูอื่นจะมาอีกแน่ๆค่ะ 








เดินออกจากสถานีซอคังแดก็จะเจอร้านWATCOที่อยู่ไม่ไกล ตัวร้านใช้ไม้เสียเป็นส่วนใหญ่ มีทั้งที่นั่งแบบเอ้าท์ดอร์และในตัวร้านที่มีแอร์ค่ะ ความทัวร์ริสต่างๆที่อยากมาเก็บบรรยากาศเราก็เลยเลือกนั่งข้างนอกค่ะแม้อากาศจะไม่ได้น่ารักเท่าไหร่


















เราเลือกสั่งลาเต้เย็นและโทสท์ยอดฮิตของที่นี่ เป็นโทสท์แผ่นหนาโปะด้วยเนยชุ่มๆ มีช็อคโกแล็ตวางคู่กันมาให้เราทาบนขนมปัง สำหรับความอร่อย ในส่วนของกาแฟนั้นค่อนข้างแรงค่ะ ขนาดใส่ไซรัปมาด้วยก็ยังมีกลิ่นกาแฟแรงอยู่ เราสารภาพว่าดื่มไม่หมด TT แต่มันดีนะคะ แต่ก็ไม่สามารถกินหมดได้เลย อีกอย่างต้องไปต่อด้วยกลัวจุก ส่วนโทส์ทเราก็ฟาดเรียบเลยค่ะ เค้าปิ้งขนมปังมาเกรียมๆถูกใจเรามากๆ ตัวเนยที่เค้าโปะมาให้ก็ทาไม่หมดค่ะ หนาสุดๆเลย














มองเวลาแล้วยังเหลือเวลาอยู่ เราเลยนั่งชิลไปเรื่อยๆเลยค่ะ ด้วยความที่เป็นที่นั่งแบบเอ้าท์ดอร์
 ตัวพื้นก็เป็นหินกรวด ก็จะเห็นคนจูงน้องหมามาทานกาแฟด้วยหลายคนเลยล่ะค่ะ น่ารักมากๆ 












Location
WATCO Coffee Shop
Sinsu-dong
Sogang University Station exit 1





เมื่อถึงเวลาที่ต้องย้ายที่แล้ว เราเช็ครอบรถไฟในแอพ Subway ซึ่งเป็นแอพที่เราใช้ทุกครั้งที่มาเกาหลีเลยค่ะ สะดวกมากๆเลย ในแอพบอกว่ารถไฟสายที่เราต้องขึ้นจะมาถึงสถานีซอคังแดในอีกไม่กี่นาที เราเลยรีบจัดการตัวเองแล้วออกมาจากร้านพร้อมกับความรู้สึกผิดที่ดื่มกาแฟไม่หมด ไม่อยากให้เค้าคิดว่าของเค้าไม่ดีเลยค่ะ TT







สถานที่ต่อไปคือร้าน SAYOO ค่ะ ลงสถานีฮันกังจิน เดินออกมาจนเจอตึกอิฐแดง 
เลี้ยวเข้าไปในซอยก็จะเจออาคารสูงประมาณ5ชั้นอยู่ตรงข้ามอันเป็นที่ตั้งของร้านนี้นี่เองค่ะ 
















เราไม่รอช้าเดินเข้าไปในร้านเพื่อเลือกเครื่องดื่ม แต่ตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเลยขนมเสียก่อน 
จากตอนแรกที่กะจะสั่งแค่น้ำกลับต้องพ่วงขนมมาด้วยอีก1ชิ้น เราสั่งเป็นชาคาโมมายล์และเค้กค่ะ 

ตอนรอเจ้าเครื่องส่งสัญญาณทำหน้าที่ของมัน เราก็มานั่งรอตรงหน้าเคาท์เตอร์ 
พลางมองหาลู่ทางที่จะขึ้นไปชั้นดาดฟ้าที่เป็นhit spotของที่นี่ค่ะ 



















การตกแต่งของร้านก็เป็นสไตล์ที่คาเฟ่ในเกาหลีต่างก็นิยมใช้กัน ปูนเปลือย โต๊ะกลมเล็กๆ
 เคาท์เตอร์แบบเพลนๆ แต่เดาไม่ยากเลยว่าที่นี่ตอนช่วงพักกลางวันและตอนเย็นๆ
คนต้องเยอะมากจนไม่มีที่นั่งแน่ๆ






เครื่องส่งสัญญาณสั่นดึงสติเราที่กำลังทำการสำรวจร้านโดยสายตา แก้วกระดาษสีชมพูมีฝาพลาสติกครอบพร้อมทั้งจานที่มีขนมหน้าตาคุ้นๆวางอยู่ ทำให้มั่นใจว่าเป็นของที่เราสั่งแน่ๆ เรารีบลุกไปหยิบถาดนั้นและขึ้นลิฟท์ไปยังด้านบน ที่นี่จะมีที่นั่งอยู่ในทุกชั้นเลยค่ะ แต่จุดยอดฮิตของเค้าก็คือเก้าอี้บาร์บนชั้นดาดฟ้าที่มีฉากด้านหน้าเป็นตึกอิฐแดงและวิวของกรุงโซลค่ะ









ตอนที่เราไปถึงก็เจอคนเกาหลีเต็มบนดาดฟ้าเลยค่ะ ขนาดเป็นวันธรรมดา 
ณ เวลาบ่ายสามโมงเย็นก็ยังมีคนเยอะ รู้สึกคิดถูกมากที่มาเวลานี้
ไม่งั้นกว่าจะได้แชะภาพมุมมหาชนก็ต้องรอนานหรือไม่มีโอกาสเป็นแน่ค่ะ















เราออกไปถ่ายรูปซักพักก็ต้องเข้ามานั่งในตัวอาคาร ขอยกธงขาวต่อแดดเกาหลีค่ะ 
ร้อนแผดเผาเหลือเกิน แดดเมืองหนาวนี่นะ!













  


LOCATION
SAYOO
Hannam-dong
Hangangjin Station exit 3






เราจัดการของที่เราสั่งและนั่งเล่นไปซักพักก็ออกมาเพราะต้องรีบไปสถานที่ต่อไป 
นั่นก็คือ SM Artium ที่อยู่ตรงห้าง COEX สถานีซัมซอง สายสีเขียวค่ะ เราจะไม่มีแพลนไปที่นี่ในครั้งนี้เลยค่ะหากไม่มี SM Museum อันเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปินของ SM ซึ่งพึ่งเปิดให้เข้าชมเมื่อเดือนพฤษภาคม ก่อนเราไปไม่นานเองค่ะ 








ตอนแรกกังวลมากว่ามาถึงแล้วจะไม่ได้เข้า เพราะตอนดูในเว็บมันมีกำหนดรอบเวลาไว้ด้วยค่ะ 
แต่ปรากฎตอนเราไปถึงก็สามารถซื้อบัตรและเข้างานได้เลยค่ะ 
ใครที่เป็นสาวกค่าย SM Entertainment  ไม่ควรพลาดงานนี้ด้วยประการใดใดทั้งปวงเลยค่ะ 




เราเดินที่ SM Museum ไปประมาณ 45นาทีก็ออกมา แล้วไปเดินเล่นในSM Artiumส่วนอื่นต่ออีกแป้บนึง 
จากนั้นก็รีบมุ่งไปยังแพลนต่อไป คือการช้อปปิ้งที่อีแดค่ะ โก โก โก






สถานที่โปรดของเราในการซื้อเสื้อผ้าที่เกาหลีคืออีแด (Ehwa Womans University shopping street) และ Underground shopping ที่สถานี Express Bus Terminal ค่ะ เพราะราคาถูกและมีแบบให้เลือกเยอะ แต่ในครั้งนี้เราเลือกไปแค่อีแดเพราะจินตนาการภาพตอนกลับที่พักว่าคงจะมีแต่ถุงช้อปแน่ๆ จากสถานี Express Bus Terminal น่าจะลำบากน่าดูเพราะเป็นเวลาคนกลับบ้านแล้ว
 อีกทั้งอีแดก็ห่างจากฮงแดเพียง 2 สถานีเท่านั้นค่ะ





เดินอีแดจนเพลินมองเวลาแล้วใกล้สองทุ่ม เรารีบพุ่งตัวไปสถานีรถไฟ และไปยังอีกร้านนึงที่เราอยากไปตั้งแต่ปีที่แล้วๆค่ะ แต่ด้วยความนก ร้านดันปิดวันที่เราไปซะงั้น ฉะนั้นครั้งนี้เราก็ต้องไม่พลาด ร้าน Dinka Cake House ค่อนข้างมีชื่อในคนไทยพอสมควรเลยค่ะ เค้ามาตั้งสาขาใหม่ที่ยอนนัมดงไม่ไกลจากที่พักของเรา เราเลยแพลนที่จะไปร้านนี้เป็นที่สุดท้ายก่อนกลับที่พัก







.






ยอนนัมดงตอนมืดๆก็จะคึกคักไปด้วยผู้คนไม่ต่างจากฮงแดเลยค่ะ แต่จะมีคนทำงานเยอะกว่า ทางเดินตรงกลางเป็นสวนสาธารณะหย่อมๆ มีที่นั่งประปรายให้คนได้นั่งพัก แต่ส่วนใหญ่ก็จะเห็นคนมานั่งเดทกันมากกว่าค่ะ (ฮือ อิจฉา)









จากทางออก 3 ของสถานีฮงอิก เราก็เดินตรงมาเรื่อยๆเลยค่ะ จนมาเจอบ้านไม้2ชั้น เหมือนบ้านในหนังฝรั่งอะไรแบบนั้นเลยค่ะ ด้วยธีมของร้านที่ feel like home ภายในร้านก็จะตกแต่งเหมือนเราอยู่บ้านเลย 
เก้าอี้ก็มีปะปนกันหลายแบบ ทั้งโซฟาคุณยาย เก้าอี้ที่เหมือนเวลาใช้รับแขกที่บ้าน 













เราไล่สายตาในตู้กระจกจนได้เค้กลาเวนเดอร์มาชิ้นนึงค่ะ ก็มา Dinka Cake House
 จะไม่ทานเค้กได้ยังไงล่ะเนอะ  นอกจากเค้กเราก็ได้จัดชากุหลาบแบบร้อนมาแก้วนึง
เพื่อตัดความเลี่ยนของเค้กลงค่ะ















ได้ตัวส่งสัญญาณมาเช่นเคย เราก็มองหาที่นั่งในร้าน
จนไปเจอที่นั่งมุมนึงที่เหมาะกับคนอโลนๆแบบเรามากค่ะ
 เป็นเก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่นั่งได้คนเดียว 













พอได้ของที่สั่งมาเราก็ลงมือจัดการทันที เค้กลาเวนเดอร์นั้นหอมมาก ตัวครีมที่สีด้านบนเหมือนขนมหลอกเด็กแบบนั้นกลับอร่อยและเข้ากันกับตัวเค้กได้เป็นอย่างดี พอมีชากุหลาบทานคู่ไปด้วยทำให้กินสลับกันไปจนหมดตอนไหนก็ไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ ถ้าใครอยากลองทานเค้กลาเวนเดอร์ ที่ไทยเราเคยทานที่ร้าน Dandilion ที่อยู่ไม่ไกลจาก BTSทองหล่อค่ะ ของร้านนี้ก็ดีเหมือนกัน








LOCATION
Dinka Cake House
Yeonnam-dong
Hongik University Station exit 3




.






หลังทานเสร็จเราก็เช็คโทรศัพท์อีกนิดหน่อยแล้วก็เดินกลับไปที่พัก ด้วยความที่เดินทั้งวันก็กะจะไม่ออกไปไหนแล้ว แต่ก็ยังวอแวกับว่าอยากกินต๊อกปกกี่ จนแล้วจนรอดเราเลยตัดสินใจออกจากที่พักและไปเดินทัวร์ฮงแดอีกนิดหน่อยเพราะร้านเริ่มปิดหลายร้านและกลับห้องมาพร้อมต๊อกปกกี่1ถุงและโซจูพีช1กระป๋องมาทานคู่กันอย่างที่หมายมั่นตั้งใจไว้







สำหรับใครที่ไปฮงแด เราขอแนะนำร้านต๊อกปกกี่ที่อยู่ใกล้ๆร้าน Shoopen คนขายจะเป็นคู่สามีภรรยาเด็กๆหน่อยค่ะ พูดจาดี บริการดี แถมรสชาติต๊อกยังดีด้วย แล้วก็ปกติเวลาเราซื้อต๊อกเค้าจะใส่แค่ถุงพลาสติกสีดำมาให้ใช่ไหมคะ ของร้านนี้คือมีถ้วยกระดาษมาให้ด้วย ทำให้กินไม่ลำบากเลย ประทับใจจจจ









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น